วันนี้ก้องบดินทร์นัดกับเพื่อนสนิทของแก้วกัญญาเพื่อที่จะเรียนทำเค้กตอนเก้าโมงเช้า คนหน้าหวานตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้กับพีรวิชญ์ก่อนที่จะไปสนามแข่งรถ เขาต้องปลุกให้คนหน้าคมออกจากคอนโดก่อนเวลาแปดโมง เพื่อที่พีรวิชญ์จะได้ไม่สงสัยว่าเพื่อนสนิทของพี่แก้วมาทำอะไรที่นี่ แต่กว่าที่จะขุดคนหน้าคมให้ลุกออกจากเตียงได้ก็โกลาหลวุ่นวายพอสมควร
“อะไรกันอ่ะก้อง เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง ของีบอีกหน่อยนะ” พีรวิชญ์กล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย พร้อมกับทิ้งตัวลงไปที่เตียงอีกครั้ง
“ไม่ได้นะพี วันนี้คุณต้องไปแข่งนะ จะไม่ไปเช็คสภาพรถก่อนแข่งหน่อยหรือไง” ก้องบดินทร์กล่าวพลางฉุดแขนคนที่ยังไม่ตื่นให้ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
“แต่ผมแข่งตอนสิบเอ็ดโมงนะ ของีบอีกสักเดี๋ยวไม่ได้เหรอ ผมเพลียมากเลยอ่ะ” คนหน้าเข้มปรือตาขึ้นมานิดเดียวก่อนที่จะหลับตาลงอย่างง่วงงุน
“ไม่ต้องเลยพี คุณทำตัวเองทั้งนั้นนะ ก็ใครใช้ให้คุณ........เอ่อ........”
“ผมทำไมเหรอ......ก้อง” คนหน้าเข้มปรือตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้คนตรงหน้า
“เออน่า........คุณน่ะ ตื่นได้แล้ว ลุกขึ้นเร็วเข้า” คนหน้าหวานฉุดแขนของพีรวิชญ์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้คนหน้าหวานกลับเป็นฝ่ายถูกฉุดซะเอง ก้องบดินทร์เสียหลักล้มลงไปอยู่ในอ้อมแขนของพีรวิชญ์ทั้งตัว คนหน้าหวานเริ่มทำแก้มป่องแล้วเหวี่ยงใส่คนตรงหน้าทันที
“นี่พี คุณตื่นนานแล้วใช่มั๊ยเนี่ย ฮึ่ยยยยยยยย ปล่อยให้ผมปลุกคุณอยู่ตั้งนานสองนาน แล้วนี่อะไรเนี่ย......ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปอาบน้ำอาบท่าซะ แล้วลงไปกินข้าวเช้าด้วย เร็วๆ ล่ะ นี่....คู๊ณ....บอกให้ปล่อยไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ”
“ผมฟังภาษาคนรู้เรื่องอยู่แล้วล่ะคร้าบ แต่ผมอยากนอนกอดคุณนี่นา ถ้าคุณจะให้ผมลุกคุณก็ต้องตามใจผมก่อน” คนหน้าคมเริ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์ พร้อมส่งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือร้ายไปให้กับคนตรงหน้า ถ้าก้องไม่ยอมใจอ่อนกับเขี้ยวสวยๆ ของผมก็ให้มันรู้กันไปสิ
“แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรล่ะ” คนหน้าหวานรับปากไปส่งๆ เพื่อให้พียอมลุกออกจากเตียง สาบานได้ว่าไม่เกี่ยวกับเขี้ยวคู่สวยคู่นั้นเลยจริงจริ๊ง
“หอมแก้มผมหน่อยน๊า ทั้งซ้าย ทั้งขวาเลย......อะ” พีรวิชญ์พูดพลางยื่นแก้มสากๆ ไปให้คนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นท่าทางอิดออดของคนรัก เขาก็เลยแกล้งเอ่ยกับคนหน้าหวานด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เร็ว เร็ว ก้อง” คนหน้าเข้มพูด พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนรักมากขึ้นไปอีก พร้อมกับกระชับอ้อมแขนอบอุ่นของเขาให้แน่นกว่าเดิม
“อ่ะ อ่ะ ก็ได้ ก็ได้” ก้องบดินทร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงวีนเต็มที่ด้วยความเขินอาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยอมจรดริมฝีปากนุ่มๆ ลงบนแก้มสากของพีรวิชญ์ทั้งซ้ายและขวา แล้วรีบขยับตัวหนีออกจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ฝ่ายคนหน้าคมเมื่อถูกตามใจเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“หึ หึ ก็แค่เนี๊ย........ผมไปอาบน้ำก่อนนะก้อง คุณไปรอผมที่โต๊ะกินข้าวได้เลย” คนหน้าเข้มพูดพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย ฝ่ายก้องบดินทร์ก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนหน้าคมอย่างแปลกใจ
‘บทจะง่าย ก็ง่ายจังแฮะ’
.
.
.
‘เพิ่งรู้จัก....ว่ารักเป็นไง เพิ่งรู้จัก....ว่ารักที่ใจเรียกร้อง ตามหา.......มานานแสนนาน....ได้พบความรักแท้ๆ เมื่อเจอเธอ....’ เสียงโทรศัพท์ของก้องบดินทร์กรีดร้องดังขึ้น คนหน้าหวานรีบกระวีกระวาดออกจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงริงโทนดังขึ้นเป็นหนที่สอง ดวงตากลมโตจ้องไปยังชื่อที่คุ้นเคยบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี แล้วกรอกเสียงหวานๆ ลงไปหาคนที่อยู่ปลายสาย
“ฮัลโหลพี่แก้ว พี่แก้วมาถึงคอนโดแล้วใช่ไหม......โอเคครับ พี่แก้วพาเพื่อนขึ้นมาได้เลย”
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ แก้วกัญญาและเพื่อนสนิทของเธอก็มาถึง ก้องบดินทร์เปิดประตูต้อนรับอย่างยินดี ก่อนที่จะพาพี่สาวและเพื่อนซี้มานั่งที่โซฟาตัวยาว ส่วนตัวเขาเองก็นั่งที่โซฟาเดี่ยวที่ตั้งอยู่ข้างๆ กัน แก้วกัญญานั่งอยู่ระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง ก้องบดินทร์โผเข้าไปกอดพี่สาวด้วยความคิดถึง เมื่อพี่น้องทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แก้วกัญญาถึงได้แนะนำเพื่อนสนิทของเธอให้น้องชายรู้จัก
“ก้อง....นี่พี่นิค เพื่อนสนิทพี่เอง วันนี้เค้าจะมาช่วยสอนก้องทำเค้ก” แก้วกัญญาเอ่ย ก่อนที่จะพยักพเยิดไปทางนิคแล้วกล่าวแนะนำน้องชาย “ส่วนนี่น้องชายแก้วชื่อก้อง มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยแล้วกันนะ”
พี่นิคที่แก้วกัญญาพูดถึงคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนละเอียด ดวงตาชั้นเดียวที่จ้องมองมาที่คนหน้าหวานบ่งบอกเชื้อชาติได้เป็นอย่างดี จมูกโด่งได้รูปสวย รับกับริมฝีปากบางที่มีสีแดงระเรื่อตามธรรมชาติ เครื่องหน้าที่เหมาะเจาะลงตัวของชายหนุ่มหากมีใครมาบอกว่าเป็นดาราเกาหลีก็คงจะเชื่อได้ไม่ยาก คนร่างสูงมองหน้าหวานๆ นั้นชั่วอึดใจ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“สวัสดีครับน้องก้อง......ได้ข่าวว่าอยากจะเรียนทำเค้ก สงสัยคงจะทำให้หวานใจทานแน่เลยใช่ไหมครับ”
“เอ่อ....ครับ” ก้องบดินทร์เอ่ยตอบสั้นๆ พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มที่เป็นมิตรตอบกลับไป
“น้องก้องนี่น่ารักจริงๆ เลยนะครับ ใครที่ได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดในโลก” หนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้คนตรงหน้า ก้องบดินทร์รู้สึกขัดเขินกับสายตาคู่นั้นของชายหนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยกลับไปแก้เก้อ
“เอ่อ.....เราจะเริ่มกันหรือยังครับ ก้องเตรียมอุปกรณ์ไว้ในครัวเรียบร้อยแล้ว เชิญพี่นิคไปที่ห้องครัวดีกว่าฮะ......ส่วนพี่แก้วก็นั่งดูทีวีไปพลางๆ นะ หรือว่าถ้าจะเข้าไปช่วยก้องก็ไม่ว่ากัน แล้วแต่พี่แก้ว ก้องตามใจ”
“ไม่ล่ะก้อง พี่ขออยู่ดูทีวีสบายๆ ดีกว่า ทำเค้กให้สนุกนะ”
แต่ก่อนที่ก้องบดินทร์จะเดินตามหนุ่มร่างสูงเข้าไปในครัว แก้วกัญญาก็กระซิบที่ริมหูน้องชายว่า “อย่าหายใจเข้าหายใจออกก็เป็นพีล่ะ ทำมาเผื่อให้พี่ชิมด้วย เข้าใจมั๊ย”
คนถูกแซวหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบเดินตามชายหนุ่มร่างสูงเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว
.
.
.
“โดยทั่วไป เค้กจะมีสามชนิด คือ เค้กเนย เค้กไข่ และชิฟฟอนเค้ก เค้กเนยเป็นเค้กที่มีปริมาณไขมันสูง การขึ้นฟูของเค้กเกิดจากอากาศที่ได้จากการตีเนย โดยเม็ดไขมันจะเก็บอากาศไว้และจะขยายตัวในระหว่างการอบ ส่วนเค้กไข่เนื้อเค้กและปริมาณของเค้กจะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของไข่ขาว และชิฟฟอนเค้กเป็นเค้กที่มีส่วนประกอบของไข่เช่นเดียวกัน แต่จะใช้น้ำมันพืชแทนเนย หากน้องก้องต้องการให้เค้กออกมาเนื้อเนียนละเอียดไม่หยาบกระด้าง พี่คิดว่าเค้กเนยน่าจะเหมาะที่สุด นอกจากนี้เราสามารถประยุกต์เค้กเนยให้เป็นเค้กรสชาติอื่นๆ เช่นรสชาเขียวอย่างที่น้องก้องต้องการได้ด้วย” คนร่างสูงร่ายเลคเชอร์ให้กับคนหน้าหวานก่อนที่จะลงมือทำเค้ก สายตาของเขาทอประกายอบอุ่นเมื่อเพ่งมองใบหน้าของคนแก้มป่องที่ขมีขมันจดเลคเชอร์อย่างตั้งใจ ก่อนที่จะปรับสายตาให้เป็นปรกติอย่างรวดเร็วเมื่อก้องเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดเลคเชอร์
“เค้กเนยเหรอพี่นิค ก็ดีนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเค้กที่มีไขมันสูง แต่เมื่อใส่นมชาเขียวแทนนมสด สารที่อยู่ในชาเขียวก็สามารถกำจัดไขมันและคอเรสเตอรอลในหลอดเลือดได้ แล้วก้องยังรู้มาอีกว่าสารแอนติออกซิแดนซ์ที่อยู่ในชาก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้เหมือนกัน คนที่รักสุขภาพอย่างพีต้องชอบเค้กสูตรนี้แน่ๆ เลย”
“โอ้โห น้องก้อง หาข้อมูลมาเพียบเลยนะเนี่ย จะมาคิดสูตรเค้กแข่งกับพี่เหรอคร้าบ” คนร่างสูงเอ่ยแซวคนหน้าหวานพร้อมหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกฮะพี่นิค ผมแค่อยากให้พีเค้าชอบเค้กที่ผมทำให้น่ะ พีเค้าชอบสีเขียว แล้วก็เป็นคนที่รักสุขภาพ และระวังเรื่องอาหารการกิน ก้องก็เลยต้องการคิดสูตรเค้กที่เหมาะกับบุคลิคของพี เลยเลือกที่จะทำเค้กชาเขียวให้พีไง” ก้องบดินทร์พูดถึงคนรักด้วยดวงตาที่ทอแสงเป็นประกาย รอยยิ้มน้อยๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้ากำลังบ่งบอกว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้นมีความสุขเพียงใด มีความสุขจนคนร่างสูงอดที่จะอิจฉาคนรักของก้องบดินทร์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้อ.........พี่อิจฉาคุณพีอะไรนี่จังที่มีแฟนน่ารักๆ อย่างน้องก้อง ว่าแต่เรามาเริ่มทำเค้กเลยกันดีกว่า พร้อมหรือยังก้อง”
“พร้อมแล้วครับพี่นิค เริ่มกันเลย”
ก้องบดินทร์เริ่มผสมแป้งเค้กด้วยวิธีครีมเนยหรือที่เรียกว่า creaming method ตามที่พี่นิคได้บอกไว้ โดยคนหน้าหวานแยกทำเค้กออกเป็นสองส่วน ซึ่งทั้งสองส่วนเริ่มต้นเหมือนกันคือตีเนย และน้ำตาลจนขึ้นฟู แล้วเติมไข่ลงไปทีละฟอง จากนั้นเติมแป้งลงไป 1 ส่วนผสมให้เข้ากัน แต่จะต่างกันตรงที่เค้กส่วนที่ 1 ผสมนมสดลงไป 1 ส่วน ในขณะที่เค้กส่วนที่ 2 ผสมชาเขียวนมสดลงไป 1 ส่วน ก้องบดินทร์ผสมแป้งเค้กในแต่ละส่วนให้เนียนเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน จนได้เนื้อแป้งเค้กในส่วนที่ 1 เป็นสีขาวครีมละเอียด และในส่วนที่ 2 เป็นสีเขียวอ่อนละมุน หลังจากนั้นคนหน้าหวานก็เตรียมแบบพิมพ์เค้กขนาด 1 ปอนด์ 2 อัน แบบพิมพ์อันแรกก้องบดินทร์เทแป้งเค้กสีขาวครีมลงไปก่อน จากนั้นจึงนำแป้งเค้กทั้งสองสีเทลงไปในแต่ละด้านพร้อมๆ กันจนเต็มแบบพิมพ์ แล้วเขาก็ใช้ตะเกียบคนให้แป้งเค้กเป็นลาย 2 – 3 ที ส่วนแบบพิมพ์อันที่สองก็ทำเหมือนกันเพียงแต่เทแป้งเค้กสีเขียวอ่อนลงไปก่อน เมื่อคนหน้าหวานเทเนื้อแป้งลงไปจนหมด เขาก็นำเค้กไปเข้าเตาอบจนได้ที่ แล้วตกแต่งหน้าเค้กที่มาจากแบบพิมพ์อันที่ 1 ด้วยบัตเตอร์ครีมสีเขียวตองโดยใช้ที่ปาดครีมตบให้คล้ายปุยหิมะแล้วโรยด้วยเม็ดอัลมอลด์ผ่าซีก ส่วนเค้กที่มาจากแบบพิมพ์อันที่สองตกแต่งในรูปแบบเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนจากครีมสีเขียวตองเป็นสีขาว เมื่อแต่งหน้าเค้กเสร็จก้องบดินทร์บรรจงตัดเค้กแต่ละก้อนให้เป็นชิ้นสามเหลี่ยมก้อนละ 8 ชิ้น เค้กที่มาจากแบบพิมพ์อันแรกมีเนื้อเค้กสีครีมละเอียด และมีลายสีเขียวอ่อนแซมอยู่ทั่วไป ส่วนเค้กที่มาจากแบบพิมพ์อันที่สองมีเนื้อเค้กสีเขียวอ่อน และมีลายสีขาวแซม คนร่างสูงเฝ้ามองการกระทำของคนหน้าหวานโดยตลอดทุกขั้นตอน ก่อนที่จะเอ่ยชมออกมาจากใจจริง
“พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่านอกจากก้องจะมาคิดสูตรเค้กแข่งกับพี่แล้ว ก้องยังจะมาออกแบบเค้กแข่งกับพี่ด้วย ดูสิเค้กลายหินอ่อนสลับสี แถมแต่งหน้าเค้กด้วยสีที่ตัดกับเนื้อเค้กอีก ก้องเนี่ยมีพรสวรรค์จริงๆ เลย”
“แหม พี่นิค พี่ก็ชมก้องเกินไปแล้วครับ ก้องอ่ะ ไม่บังอาจไปแข่งกับมือโปรอย่างพี่นิคหรอกครับ” ก้องพูดพลางจัดเรียงเค้กในจานกระเบื้องเคลือบสีส้ม โดยเรียงเค้กจากแบบพิมพ์ที่ 1 สลับกับเค้กจากแบบพิมพ์ที่ 2 ทำให้สีของเค้กในจานสลับกันอย่างสวยงาม
“พี่ไม่ได้พูดเกินไปหรอก ดูซิ ขนาดสีจานที่ใช้ยังหาได้แมทซ์กันขนาดนี้......เขียว – ส้ม.....รู้จักใช้สีตรงกันข้ามเพิ่มความน่าสนใจให้กับอาหาร มันทำให้เค้กดูน่ากินขึ้นมาอีกเท่าตัวเลย” คนร่างสูงพูดพร้อมกับหมุนจากเค้กในมือไปมาอย่างพอใจในผลงานของ ‘ลูกศิษย์’ หน้าหวาน
“สีตรงกันข้ามอะไรนั่นก้องไม่รู้หรอกฮะ ก้องรู้แค่ว่าก้องชอบสีส้ม ก้องก็เลยเอาจานสีส้มมาใช้น่ะฮะ”
“จะได้เข้ากับเค้กสีเขียว สีโปรดของคุณพีใช่มั๊ย” คนร่างสูงพูดขึ้นอย่างรู้ทัน ก่อนจะพบว่าแก้มของคนหน้าหวานซับสีเลือดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ‘เฮ้อ........ทั้งสองคนนี้คงรักกันมากจริงๆ แหะ สงสัยเขาคงต้องยอมยกธงขาวถอยทัพกลับบ้านไปซะแล้วล่ะมั๊ง’
.
.
.
หลังจากที่ก้องดินทร์ส่งพี่แก้วและพี่นิคกลับจากคอนโดแล้ว คนหน้าหวานก็นั่งรอคนรักที่โซฟาตัวยาวอย่างใจจดใจจ่อ กว่าเขาจะทำเค้กเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง มือเรียวยาวเอื้อมไปเปิดโน๊ตบุ๊คที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าเว็บไซต์ดูทีวีย้อนหลัง เพื่อติดตามการแข่งขันของพีรวิชญ์ แล้วเขาก็พบว่าพีรวิชญ์เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ คนหน้าหวานคลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี ก่อนที่จะเอ่ยกับตัวเองอย่างมีความสุข
“ และแล้วเค้กที่ผมทำให้คุณ ก็เป็นเค้กฉลองชัยชนะของคุณนะพี........เฮ้อ..........ดีใจจัง”
ก้องบดินทร์นั่งรอคนหน้าคมจนเกือบสองทุ่ม แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าพีรวิชญ์จะกลับมาถึงห้องแต่อย่างใด คนหน้าหวานกดโทรศัพท์ไปหาคนที่อยู่ในความคิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก็เข้าสู่ระบบฝากข้อความเช่นเคย ก้องบดินทร์รู้สึกกระวนกระวายใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ความเป็นห่วง ความอัดอั้น ความน้อยใจ ผสมผเสปนเปกันจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่สวย
“พี คุณอยู่ไหน.....ทำไมผมถึงติดต่อคุณไม่ได้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าอ่ะพี” คนหน้าหวานสะอื้นฮักๆ อย่างน่าสงสาร ก่อนที่จะผล็อยหลับไปบนโซฟาตัวยาวด้วยความอ่อนเพลีย
ก้องบดินทร์สะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สัมผัสบริเวณแก้มเนียน เปลือกตา และหน้าผากมน คนหน้าหวานรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นว่าใครที่นั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมพรั่งพรูความในใจออกมามากมายจนคนหน้าเข้มต้องกอดปลอบโยนเอาไว้ไม่ให้ห่างจากตัว
“พี คุณไปไหนมา ทำไมคุณกลับมาถึงช้าขนาดนี้ แล้วทำไมคุณต้องปิดโทรศัพท์ด้วย คุณรู้ไหมว่าวันนี้ผมทำอะไรไปบ้าง ผมเตรียมทำเค้กที่ผมคิดสูตรเองไว้เซอร์ไพรส์คุณตอนคุณกลับมา หวังว่าคุณจะชอบมัน หวังว่าคุณจะกลับมาฉลองกับผม แต่ผมก็ต้องมานั่งรอคุณเป็นชั่วโมงๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น.....พี คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนที่ผมติดต่อคุณไมได้เลย โทรไปก็เจอแต่ฝากข้อความ ผมกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป คุณเข้าใจผมมั๊ยพี” ก้องบดินทร์ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก ตัวของเขาสั่นเป็นลูกนก หัวใจของพีรวิชญ์กระตุกวูบ ให้ตายเถอะ เค้าไม่ชอบเลยเวลาที่เห็นดวงตาคู่สวยนั่นฉ่ำไปด้วยน้ำตา คนหน้าเข้มกอดคนรักให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คนหน้าหวานฟังอย่างอ่อนโยน
“ก้อง....ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องไม่สบายใจ วันนี้ผมเสร็จจากสนามแข่งประมาณบ่ายสอง แล้วเพื่อนๆ ที่สนามจัดงานเลี้ยงฉลองให้ผมจนถึงเย็น ผมออกจากงานเลี้ยงมาตอนประมาณหกโมงครึ่ง ระหว่างทางที่ผมขับรถจะกลับคอนโดรถผมก็เกิดเสียขึ้นมากะทันหัน แล้วแถวๆ นั้นก็ไม่มีร้านซ่อม ผมก็เลยต้องโทรเรียกช่าง แล้วกว่าที่ช่างจะมาได้ก็ปาไปชั่วโมงกว่าๆ ผมรอจนช่างซ่อมรถให้ผมเสร็จก็ประมาณสองทุ่มสิบห้า จากนั้นผมก็รีบขับรถกลับมาหาคุณเลยไงครับ แล้วที่โทรศัพท์ผมติดต่อไม่ได้ก็เพราะว่าแบตหมด เมื่อคืนผมลืมชารต์แบตมือถือเอาไว้ โอ๋ๆๆๆๆ นิ่งซะนะคร้าบคนดีของผม ไหน.....เห็นว่าวันนี้คุณทำเค้กสูตรพิเศษให้ผมไม่ใช่เหรอ อยู่ไหนล่ะก้อง ผมตื่นเต้นจัง”
เมื่อก้องบดินทร์ได้ฟังคำอธิบายจากชายหนุ่มเขาก็รู้สึกดีขึ้น และเมื่อคนหน้าเข้มที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยถามถึงเค้กชาเขียวพร้อมกับส่งรอยยิ้มละลายขั้วโลกมาให้ คนหน้าหวานก็ใจอ่อน รีบลุกขึ้นเดินไปหยิบเค้กชาเขียวออกมาจากตู้เย็นมาวางไว้ตรงหน้าทันที
“โอ้โห....หน้าตาน่ากินนะเนี่ย ไหน ผมขอชิมหน่อยซิว่าฝีมือแฟนผมจะอร่อยขนาดไหน” ว่าแล้วพีรวิชญ์ก็ใช้นิ้วปาดครีมที่ตกแต่งอยู่บนหน้าเค้ก แล้วนำไปป้ายบนแก้มเนียนสวนของคนหน้าหวาน ก้องบดินทร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะโวยวายออกมาเสียงดัง
“พี นี่คุณทำอะ...............” เสียงของก้องบดินทร์หยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อคนหน้าคมจรดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนบริเวณที่เขาป้ายครีมลงไปเมื่อสักครู่ ลิ้นอุ่นๆ ค่อยๆ ไล้เลียอย่างละเมียดละไม ก้องบดินทร์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่คิดว่าเขาจะ ‘ชิม’ เค้กด้วยวิธีนี้ เมื่อคนหน้าคมเงยหน้าขึ้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าคนหน้าหวานตัวแดงหูแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
“อืม.....อร่อยจริงๆ ด้วย หวานมากเลย ผมชอบจัง” คนหน้าคมส่งสายตาระยิบระยับมาให้กับคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าไอที่หวานๆ น่ะ ตกลงมันคนหรือเค้กกันแน่
“เอ้า นั่งนิ่งเชียว......ใบ้กินหรือไงคร้าบคุณก้องบดินทร์ มาม่ะ.....มารับรางวัลจากผมหน่อยเร๊ว” ว่าแล้วคนหน้าคมก็ตบรางวัลให้คนหน้าหวานด้วยการประทับจูบที่ดูดดื่มไปบนเรียวปากคู่สวยของคนตรงหน้า ริมฝีปากหนาดูดดึงกับกลีบปากนุ่มอย่างหยอกล้อ ก่อนที่เขาจะเพิ่มสัมผัสเร่าร้อนขึ้นจนคนหน้าหวานหายใจหอบ มือหนาผลักคนหน้าหวานให้นอนลงบนโซฟาตัวยาว แล้วสาละวนปลดกระดุดเสื้อของคนที่นอนอยู่ข้างล่าง มือสากลูบไล้ไปมาบนแผ่นอกขาวเนียนทำให้ก้องบดินทร์สะดุ้งสุดตัว ก่อนที่จะผลักอกพีรวิชญ์ให้ห่างออกไป แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ยยยยย พี คนบ้า.........ผมไม่ยุ่งกับคุณแล้ว” ว่าแล้วคนหน้าหวานก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว คนหน้าเข้มเมื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างถูกใจ ก้องบดินทร์จะรู้ตัวมั๊ยน๊าว่าตัวเองกำลังให้ท่าเขาอย่างน่ารักที่สุด หนีไปไหนไม่หนี ดันวิ่งหนีเข้าห้องนอนซะงั้น อย่างนี้ก็เสร็จพีรวิชญ์สิคร้าบ.............
ว่าแต่......เดี๋ยวผมตามก้องเข้าไปคอมเม้นต์รสชาตของเค้กชาเขียวต่อดีกว่า เดี๋ยวก้องเค้าจะหาว่าผมไม่สนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น